Hack the Crisis Thailand

Hack the Crisis Thailand (แฮควิกฤตโควิดไทย) คืองาน Hackathon ในรูปแบบ Online ที่จะชวนทุกคนมาร่วมกัน Hack หาทางแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 งานนี้ มีเป้าหมายที่จะรวมไอเดีย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม ต้นฉบับผลิตภัณฑ์ และสื่อที่คนไทยได้คิดประดิษฐ์ขึ้น โดยมี 4 ประเด็นที่อยากชวนมาแก้ไข

  1. การสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ (Save our heroes)
  2. การส่งเสริมมาตรการลดการแพร่ระบาด (Flatten the Curve)
  3. การรีบฟื้นฟูชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน (Recover Our Community)
  4. การสื่อสารในภาวะวิกฤติ (Communication in Crisis)

เป็นเวทีเดียวที่จะดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ เปิดโอกาสที่จะได้นำความรู้มาปัดฝุ่น ติดอาวุธให้สมอง ได้ปล่อยของอย่างเต็มที่ ด้วยการระดมความคิด พิชิตปัญหา ฟอร์มทีมงานคุณภาพที่จะร่วมกันพลิกวิกฤติและก้าวผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน

สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี
เปิดรับสมัครวันนี้ถึงวันที่ 26 เมษายน 2563
ทั้งเข้าร่วม hackathon และ สมัครเป็น mentor
สมัครทาง www.hackathonthailand.com

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “มดบริรักษ์”

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชื่อ “มดบริรักษ์”
ให้กับหุ่นยนต์ FIBO AGAINST COVID-19: FACO
เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19
ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดย สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) ร่วมกับภาคเอกชนได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นสิริมงคลสูงสุด
แก่คณะผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร นักศึกษา และนักศึกษาเก่า มจธ. และภาคเอกชนที่ร่วมพัฒนา

มจธ. มุ่งมั่นบูรณาการความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
เพื่อพัฒนางานที่มีคุณค่าและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน สังคมและประเทศชาติตลอดไป

นักวิจัย มจธ. ร่วมกับทีมแพทย์สร้าง ‘COVID BOT’ AI Chatbot ตัวช่วยประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19

ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในประเทศไทยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่สูงมากนัก แต่ก็มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ทีมแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาลต้องรองรับจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ความวิตกกังวลของคนในสังคมเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่สิ่งสำคัญคือ วิธีการที่สามารถช่วยลดความวิตกกังวล รวมทั้งสามารถคัดกรองเบื้องต้น ทำให้จำนวนผู้ที่ไม่เข้าข่าย หรือไม่มีอาการเข้าไปรับการตรวจลดลง ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว และรักษาทรัพยากรทางการแพทย์ได้ทำหน้าที่ได้อย่างประสิทธิภาพสูงสุดในสถานการณ์ฉุกเฉิน

รศ. ดร.วีระศักดิ์ สุระเรืองชัย อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี ประธานหลักสูตรนาโน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และหัวหน้าทีมคลัสเตอร์วิจัยนวัตกรรมอนาคต (Futuristic Research Cluster of Thailand หรือ FREAK Lab ) ร่วมมือทีมโปรแกรมเมอร์ และทีมแพทย์ที่เป็นศิษย์เก่าของ Junior Science Talent Project (JSTP) หรือ โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน ได้ร่วมมือในการพัฒนา ‘COVID BOT’ ซึ่งเป็นแชตบอตตัวช่วยในการประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 ผ่านหมอ (เสมือนจริง) ในระบบ AI ผ่านทาง https://www.facebook.com/covid19bot โดยหลักการในการประเมินความเสี่ยงและข้อแนะนำในแชตบอตเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการทางการแพทย์

รศ. ดร.วีระศักดิ์ สุระเรืองชัย กล่าวว่า เราอยู่ในยุคดิจิทัลและผู้คนส่วนใหญ่ก็เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกรวดเร็ว การสอบถามอาการผ่านโทรศัพท์สายด่วนอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะคนมักคิดไม่ออกว่าโทรไปแล้วจะเริ่มประโยคแรกว่าอะไร และจะคุยอย่างไรต่อ ผมและคณะทำงานจึงคิดเร่งสร้างเครื่องมือนี้ขึ้น เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ทั้งใช้ในแง่ของการสื่อสารและการให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ซึ่งในขณะนั้น (ช่วงต้นเดือนมีนาคม) ยังไม่มีเครื่องมือคัดกรองบนแพลทฟอร์มดิจิทัล หรือโซเชี่ยลมีเดียออกมา ลักษณะการทำงานของแชตบอตก็จะเหมือนกับการไปโรงพยาบาล พบหมอเพื่อประเมินความเสี่ยง เมื่อคุณคลิกตอบไปเรื่อยๆ ท้ายสุดก็จะมีผลประเมินออกมาให้คุณทราบทันที ในกรณีที่ขึ้นคำตอบว่า ‘คุณมีโอกาสเสี่ยง’ ก็จะมีคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับคุณ พร้อมข้อปฏิบัติตนระหว่างอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง หลังจากนั้น 1 วันจะมีการแชตกลับมาติดตามอาการต่อ หรือหากไม่เป็นอะไร ก็จะมีคำแนะนำที่เข้าใจง่ายให้กับคุณ แต่หากคำตอบคือ ‘เสี่ยงมากๆ’ ก็ควรไปพบแพทย์ โดยแนะนำให้โทรไปที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งรถพยาบาลมารับ แทนที่จะเดินทางเข้าโรงพยาบาลไปด้วยตัวเอง เพราะนั่นคุณอาจจะกำลังเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับคนอื่นทันที

รศ. ดร.วีระศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ‘COVID BOT’ จะสามารถช่วยได้อย่างดีในกรณีที่หากมีการแพร่ระบาดและผู้คนเริ่มแพนิก พร้อมใจกันไปโรงพยาบาล โดยที่หนึ่งในนั้นอาจจะมีผู้ติดเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัวปะปนอยู่ คนนั้นจะเป็นผู้ส่งต่อเชื้อได้ และที่โรงพยาบาลก็จะกลายเป็นสถานที่แพร่เชื้อให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ดังนั้นเครื่องมือนี้จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้อีกทางหนึ่ง เรามี ‘COVID BOT’ ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้มีผู้ใช้งานในวงกว้างออกไปกว่า 58 ประเทศ และมีหลายประเทศขอนำแชตบอตนี้ไปปรับใช้อีกด้วย

ทีมงานพัฒนา
• รศ.ดร.วีระศักดิ์ สุระเรืองชัย (FREAK Lab, Sensor Technology Lab – KMUTT, JSTP)
• นายณัฐชนน นินยวี (Codustry.com, FREAK Lab)
• นายพัทน์ ภัทรนุธาพร (Massachusetts Institute of Technology – MIT, ศิษย์เก่า JSTP)
• นพ.กฤษพร สัจจวรกุล (ศิษย์เก่า JSTP)
• พญ.แจ่มจันทร์ จันทร์แจ้ง (ศิษย์เก่า JSTP)
• นพ.พีรวัศ กาญจนเบญจา (ศิษย์เก่า JSTP)
• พญ.ฐิติกานต์ วังอาภากุล (ศิษย์เก่า JSTP)
• นพ.พร้อมพงศ์ โยธาราษฎร์ (ศิษย์เก่า JSTP)
• ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ (สถาบันการเรียนรู้ มจธ, ศิษย์เก่า JSTP)
• นายปองณัฐ เครือศรี (FREAK Lab, มจธ.)

ประกาศเปลี่ยนแปลงปฏิทินการศึกษา ภาคการศึกษาที่ 2/2562, ภาคการศึกษาพิเศษ/2562 และภาคการศึกษาที่ 1/2563

ตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยฯ ได้มีการออกประกาศ มาตรการ และการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และให้มีการปิดมหาวิทยาลัยฯ เป็นการชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบต่อรูปแบบของการจัดการเรียน การสอน การสอบ และการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ดังนั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ดังกล่าว มหาวิทยาลัยฯ โดยความเห็นชอบจากสภาวิชาการ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 จึงให้มีประกาศการเปลี่ยนแปลงปฏิทินการศึกษา ในภาคการศึกษาที่ 2/2562, ภาคการศึกษาพิเศษ/2562 และภาคการศึกษาที่ 1/2563 ภายใต้มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ดังนี้

ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2563

กรณีที่นักศึกษามีคำถาม สามารถสอบถามได้ที่ โทร 02-4708147-51 และ Line @registkmutt

‘KMUTT Unlimited Data Package’ แพคเกตเนตฟรี

นักศึกษายุคใหม่หัวใจดิจิทัล โปรดทราบ
รายละเอียดเพิ่มเติมของ ‘KMUTT Unlimited Data Package’ แพคเกตเนตฟรี
สิทธิพิเศษสำหรับนักศึกษา มจธ.

PINCODE มีกำหนดวันหมดอายุ หากไม่มีการ Activate ภายในระบบเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถใช้งานได้ โดยวันหมดอายุของ PINCODE คือ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563

วิศวกรรมเครื่องกล มจธ. ผลิตบอร์ดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยพร้อมชุดบำบัดอากาศลดการแพร่กระจายเชื้อโรคมอบโรงพยาบาลราชวิถี

บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจหรือบุคคลที่คาดว่ามีการติดเชื้อ อุปกรณ์ดังกล่าวต้องสามารถนำไปใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงสามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ทั้งระหว่างการเคลื่อนย้ายจากที่พักและระหว่างรอรับการรักษา

                ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ รศ. ดร.วันชัย อัศวภูษิตกุล นายธวัชชัย เขียวคำรพ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ ผศ. สิทธิชัย วงศ์ธนสุภรณ์ จากบริษัท เอ ซี เทค จำกัด ได้ร่วมกันออกแบบและผลิต ”บอร์ดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีชุดบำบัดอากาศสำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ” เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่อากาศ ชุดอุปกรณ์สามารถถอดประกอบได้ง่าย ใช้ได้ทั้งในรถพยาบาล รถฉุกเฉิน และเตียงโรงพยาบาล สะดวกในการเคลื่อนย้ายและทำความสะอาด

               ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ กล่าวว่าอุปกรณ์ประกอบด้วยสามส่วนหลักๆ คือส่วนที่จะรองรับลมหายใจและสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยไม่ให้แพร่กระจายออกสู่ภายนอก  ส่วนที่จะนำพาอากาศที่ติดเชื้อนี้เข้าสู่ชุดบำบัดอากาศและส่วนของการบำบัดอากาศ หลักการทำงาน คือ เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรับการรักษา เราก็จะให้ผู้ป่วยขึ้นไปนอนบนบอร์ดนี้ หลังจากนั้นก็ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำการครอบส่วนบนของผู้ป่วยด้วยถุงพลาสติก ต่อท่อลมระหว่างส่วนหัวของบอร์ดเข้ากับเครื่องบำบัดอากาศ และจึงเปิดระบบการบำบัดอากาศ อากาศที่ออกจากลมหายใจของผู้ป่วยซึ่งอาจมีสารคัดหลั่งอยู่ด้วยจะถูกดูดเข้าเครื่องบำบัด เพื่อกักและทำลายเชื้อโรคไม่ปล่อยสู่อากาศภายนอก ทำให้อากาศที่ออกมาปลอดจากเชื้อโรค ภายในถุงที่ครอบส่วนบนอยู่ จะมีความดันลบ (Negative pressure) ทำให้ลมหายใจที่ติดเชื้อไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้ แต่จะถูกดูดเข้าไปบำบัดที่เครื่องบำบัด ในตัวเครื่องบำบัดจะประกอบด้วย พัดลม, หลอด UV, Pre-filter และ Hepa filter การเลือกพัดลมและ Filter เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยลมต้องกระจายสม่ำเสมอผ่านไส้กรอง ถ้าลมแรงเกินไปเชื้อโรคจะหลุดรอดไส้กรองไปได้ แต่ถ้าน้อยเกินไปจะไม่สามารถกั้นเชื้อโรคจากถุงที่ครอบส่วนบนได้ และก็จะทำให้ใช้งานไส้กรองได้ไม่เต็มความสามารถ และเนื่องจาก Hepa filter มีราคาแพงจึงต้องเลือกและกำหนดขนาดให้เหมาะสม การใช้ Pre filter จะช่วยยืดอายุการใช้งานของ Hepa filter ได้

บอร์ดนี้สามารถนำไปใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยพร้อมกับบำบัดอากาศไปด้วย ใช้งานง่าย ผู้ป่วยสามารถหายใจได้ตามปกติไม่รู้สึกอึดอัด ถุงที่คลุมหลังจากใช้แล้วสามารถถอดเปลี่ยนได้เลย เมื่อต้องการใช้บอร์ดนี้กับผู้ป่วยรายใหม่ ก็สามารถใช้ได้ทันทีเพียงเปลี่ยนถุงใหม่

โดยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ผศ. ดร.มณฑิรา นพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายอุตสาหกรรมและภาคีความร่วมมือ มจธ. ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ รศ. ดร.วันชัย อัศวภูษิตกุล นายธวัชชัย เขียวคำรพ และ ผศ. สิทธิชัย วงศ์ธนสุภรณ์ ได้ส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวให้โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

มจธ. เร่งพัฒนาระบบฆ่าเชื้อชุดอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยมีแผนติดตั้งที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นแห่งแรก

ทีมอาจารย์และนักวิจัย มจธ. ได้ทำการออกแบบและทดสอบห้องฆ่าเชื้อที่ใช้ระบบพ่นไอระเหยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (HPV) ตามมาตรฐานที่รับรองโดย US.FDA พร้อมจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติการมาตรฐาน เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ ในช่วงระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ดร.ขจรวุฒิ อุ่นใจ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผู้จัดการโครงการการพัฒนากระบวนการฆ่าเชื้อด้วยละอองฝอยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สำหรับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เปิดเผยว่า การรับมือกับวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ อันได้แก่ หน้ากากกรองอนุภาค N95 และชุดคลุมปฏิบัติการชนิด Coverall มีความสำคัญมากและจำเป็นต้องมีใช้อย่างต่อเนื่อง แต่จากการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสดังกล่าวไปทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ส่งผลให้อุปกรณ์เหล่านี้ขาดแคลนและมีไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งาน

ทาง มจธ. ทราบถึงปัญหานี้ จึงได้เร่งพัฒนาระบบฆ่าเชื้อชุดอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นแห่งแรกให้นำระบบที่พัฒนาไปติดตั้งใช้งานที่โรงพยาบาล จากปัญหาในสถานการณ์ที่จำเป็นและเร่งด่วน มจธ. ตั้งเป้าหมายในการทำงานเร็วที่สุด คือ ในระยะเวลา 3 สัปดาห์ จะต้องสามารถติดตั้งและทดสอบระบบจริงได้ที่โรงพยาบาล จึงทำการระดมทีมอาจารย์และนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา อาทิเช่น วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมชีวภาพ จุลชีววิทยา และเทคโนโลยีวัสดุ ร่วมกันทำภารกิจที่ท้าทายนี้

โดยทีมงานเลือกใช้เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยระบบพ่นไอระเหยของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide Vapor: HPV) เนื่องจากฆ่าเชื้อโรคได้ดีและเหมาะกับการฆ่าเชื้อจำนวนมาก ด้วยต้นทุนต่อการดำเนินงานต่อครั้งที่ต่ำ (ค่าสารเคมีต่ำกว่า 2 บาท/ชิ้น และสามารถฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 มากกว่า 1,000 ชิ้นต่อครั้ง) ในขณะที่ไม่ลดประสิทธิภาพการกรองของหน้ากาก(แตกต่างจากการใช้รังสี UVC) ทั้งยังเป็นระบบที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration : FDA) ได้อนุญาตให้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว โดยมีข้อมูลว่าหน้ากากที่ฆ่าเชื้อโดย HPV สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ถึง 20 ครั้ง

ห้องฆ่าเชื้อที่ออกแบบไว้เป็นห้องระบบความดันเป็นลบ (negative pressure) ขนาด 6×2.5×3.5 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่ภายนอก พื้นที่ในห้องประกอบด้วย 1.พื้นที่ฆ่าเชื้อขนาด 3×3 เมตร ซึ่งบรรจุเครื่องผลิตละออง HPV 2.พื้นที่สำหรับเปลี่ยนชุดของผู้ปฏิบัติงาน 3.พื้นที่ตั้งเครื่องควบคุมและจุดรับ-ส่งอุปกรณ์ที่นำมาฆ่าเชื้อ โดยจะอาศัยการปรับปรุงห้องภายในอาคารท่านผู้หญิง ประภาศรี กำลังเอก”(ตึกอุบัติเหตุ) โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งจะสามารถรองรับการฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 สูงสุดต่อวันได้ถึง 2,000 ชิ้น หรือชุดคลุมฯ 150 ตัวต่อวัน ดร.ขจรวุฒิ กล่าวเสริมว่า แม้จะมีการรับรองและใช้เทคโนโลยีนี้ในต่างประเทศแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากความชื้นในอากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของระบบ HPV ได้ ทีมงานจึงได้ดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของระบบ HPV ณ สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ (สรบ.) ของ มจธ. ในห้องทดสอบที่มีการความคุมความชื้น อุณหภูมิ และมีขนาดเดียวกับห้องฆ่าเชื้อที่ออกแบบไว้สำหรับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จากความร่วมมือของ บริษัท ซิม จำกัด เพื่อศึกษาปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ระยะเวลาการใช้งานและความเข้มข้นของ HPV ที่เหมาะสมที่สุดในการฆ่าเชื้อ

เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของบุคลากรการแพทย์ ทีมงานมีแผนที่จะนำอุปกรณ์ป้องกันที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เข้ารับการทดสอบประสิทธิภาพ ว่าอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อปลอดทั้งไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงมีการตรวจสอบโครงสร้างของเส้นใยของหน้ากาก N95 และประสิทธิภาพการกรองซ้ำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลังการฆ่าเชื้อแล้ว อุปกรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย สามารถนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัย นอกไปจากนี้ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านยางพาราของ มจธ. ยังได้เริ่มดำเนินการพัฒนาเส้นยางสำหรับคล้องศีรษะและกาวพิเศษสำหรับยึดติดหน้ากาก N95 เพื่อเตรียมไว้สำรองทดแทนหากหน้ากาก N95 บางรุ่นซึ่งอาจมีการชำรุดหรือมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปลงไปหลังการฆ่าเชื้ออีกด้วย

ดร.ขจรวุฒิ เน้นย้ำว่าในส่วนของการดำเนินงานห้องฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นสถานที่จริงนั้นจะต้องมีระบบการทำงานรัดกุม ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้ ทีมงานได้เตรียมจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติการมาตรฐาน (Standard Operating Principles: SOP) ของการบริหารจัดการอุปกรณ์แต่ละขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้กับโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน ครอบคลุมตั้งแต่ เริ่มการขนส่งอุปกรณ์จากผู้ใช้มาทำการฆ่าเชื้อ การฆ่าเชื้อในห้องฆ่าเชื้อ และการส่งกลับ โดยมีขั้นตอนระบุความเป็นเจ้าของเพื่อการส่งกลับที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะอุปกรณ์ของแต่ละบุคคลนั้นมีขนาดเฉพาะตัว รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพ การระบุจำนวนครั้งของการฆ่าเชื้อซ้ำ และการส่งคืนหลังการฆ่าเชื้อที่มั่นใจได้ว่าอยู่ในสภาวะปลอดเชื้อแก่ผู้ใช้เดิมทุกครั้ง เป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้ มจธ. พร้อมส่งมอบระบบฆ่าเชื้อและขั้นตอนการปฏิบัติการมาตรฐาน รวมถึงให้การอบรมบุคลากรของโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถดำเนินการได้จริงภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ดังนั้นทีมงานทดสอบประสิทธิภาพของห้องฆ่าเชื้อกำลังตัวต้นแบบทำการทดสอบทุกวันที่ตึกสรบ. เขตพื้นที่การศึกษาบางขุนเทียน เพื่อให้สามารถใช้ระบบได้ทันกำหนด

โดยทีมคณะทำงานหลักประกอบด้วย ดร อรรณพ นพรัตน์ ผอ.สรบ ผศ ดร บุณยภัต สุภานิช อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คุณทนงค์ ฉายาวัฒนะ สรบ. คุณสุดารัตน์ ดุลสวัสดิ สรบ. นายอภิสิทธิ์ ไทยประยูร นศ.วิศวกรรมชีวภาพ และ นายอรรถพล แกมทอง นศ.วิศวกรรมชีวภาพ

หากหน่วยงานหรือโรงพยาบาลใด มีความสนใจในระบบฆ่าเชื้อชุดอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ ที่ มจธ. พัฒนาขึ้นนี้ สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ที่ ดร.ขจรวุฒิ อุ่นใจ ผู้จัดการโครงการฯ โทร. 086972253

ความสำเร็จครั้งใหญ่ มจธ.- ซัยโจ เด็นกิ.- รพ.พระมงกุฎเกล้า-ม.มหิดล จับมือพัฒนาต้นแบบห้อง True Negative Pressure สำหรับผู้ป่วย COVID-19 ในรพ.พระมงกุฎเกล้า

20 เมษายน 2563 – ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า การส่งมอบระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ และระบบกรองอากาศสำหรับห้อง True Negative Pressure ต้นแบบ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และภาคจุลชีววิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยนำห้องผู้ป่วยเก่า อาคารตึกอุบัติเหตุ (อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี) ซึ่งมีอายุกว่า 37 ปี ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาปรับปรุง พัฒนาระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ และระบบกรองอากาศเพื่อจัดเป็นห้องผู้ป่วย COVID-19 ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ทางวิศวกรรมของคนไทยที่สามารถพัฒนาสินค้าที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหาวิกฤติ COVID-19 ได้เอง ซึ่งปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์และได้ค่าไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานสากลห้อง Negative Pressure ที่ระบุไว้โดยองค์การอนามัยโลก -WHO และหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา-CDC และเกณฑ์ตามคู่มือการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารของสถาบันบำราศนราดูร โดยแบ่งเป็น Cohort Ward 4 ห้อง ห้องละ 9 เตียง และห้อง ICU 5 ห้องรวม 5 เตียง รวมสามารถรองรับผู้ป่วย COVID-19 ได้ทั้งหมด 41 เตียง พื้นที่รวมกว่า 580 ตารางเมตร

ซัยโจ เด็นกิ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีและการผลิตภายในประเทศ ซึ่งสามารถผลิตได้จำนวนมาก (Mass Production) โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับประเทศได้มาก โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ทดสอบประสิทธิภาพการกรองอากาศแผ่น Ultrafine Filter ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอน ในขณะที่เชื้อไวรัสโคโรน่ามีขนาดเฉลี่ย 0.125 ไมครอน อีกทั้งมจธ. ได้ใช้การจำลองทางคณิตศาสตร์ (CFD) เพื่อช่วยในการออกแบบ
สรุปลักษณะเฉพาะของระบบมี ดังต่อไปนี้

  1. Supply Unit ใช้ Fresh Air 100% ที่มีทั้งความร้อน ความชื้น ฝุ่น และเชื้อโรคมาทำให้สะอาด ก่อนนำอากาศเข้ามาภายในห้อง
  2. ระบบ Inverter เมื่อเอา Fresh Air 100% มาทำความเย็น และควบคุมความชื้นให้ต่ำกว่า 60 เปอร์เซนต์ตลอดเวลา ปกติต้องกินไฟมากกว่าเดิมถึง 2-3 เท่าของเครื่องปรับอากาศปกติ ทาง ซัยโจ เด็นกิ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและพัฒนาระบบ Inverter ด้วยตัวเอง สามารถลดค่าไฟลงเหลือเพียง 30-35% เท่านั้น
  3. เทคนิค Clean to Dirty Air Flow คือการทำให้อากาศสะอาดไหลสู่สกปรก โดยอากาศภายนอก (Fresh Air) จะถูกกรองด้วยฟิลเตอร์ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอน ลดอุณหภูมิ ปรับความชื้นสัมพัทธ์ซึ่งถือเป็นอากาศที่สะอาดจะเข้ามาในห้อง ไหลผ่านบุคลากรทางการแพทย์ ไปสู่ผู้ป่วย โดยอากาศจากบริเวณศีรษะผู้ป่วยซึ่งเป็นจุดที่สกปรกที่สุด จะถูกดูดออกไปกรอง และนำไปทิ้ง จึงปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากผู้ป่วยไปสู่บุคลากรทางการแพทย์
  4. การทำห้องให้เป็น Negative Pressure โดยที่ห้องเดิมไม่ได้ถูกปรับปรุงตามมาตรฐาน Negative Pressure ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว ‘ซัยโจ เด็นกิ’ ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมร่วมกับ มจธ. ทำให้สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น อัตราการหมุนเวียนอากาศ (Air Change) และแรงดันห้อง (Room Pressure)
  5. เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อให้สามารถควบคุมและบริหารจัดการสภาวะอากาศภายในห้องผู้ป่วย รวมถึงการดูแลรักษาระบบปรับอากาศดังกล่าวผ่านหน้าจอ Centralized Control ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ปริมาณฝุ่น PM2.5 แรงดันห้อง (Room Pressure) อัตราการหมุนเวียนอากาศขาเข้า (Air Change – Fresh Air) อัตราการหมุนเวียนอากาศขาออก (Air Change – Exhaust) และประสิทธิภาพของระบบฟอกอากาศ (% Filter Efficiency) เพื่อบริหารการดูแลรักษาระบบฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน

ด้วยเวลาที่จำกัดเวลาเพียง 10 วัน ทาง ‘ซัยโจ เด็นกิ ได้นำข้อเสนอของมจธ.ใช้เทคนิคการจำลองการไหลของอากาศภายในห้อง ด้วยวิธี Computational Fluid Dynamics (CFD) Simulation พัฒนาสินค้าในเวลาที่จำกัด รวมถึงได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอากาศทั้งภายในห้องผู้ป่วย และภายนอกห้องก่อนนำอากาศเสียไปทิ้ง โดยผู้เชี่ยวชาญจากภาคจุลชีววิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล

โปรแกรม MATLAB Campus Wide License สำหรับนักศึกษาและบุคลากร ฟรี!

โปรแกรม MATLAB Campus Wide License สำหรับนักศึกษาและบุคลากร ดาวน์โหลดและติดตั้งฟรี สามารถใช้งานทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย แบบออนไลน์และออฟไลน์ เข้าถึงได้จากทุกเว็บเบราว์เซอร์และใช้พิมพ์งานวิจัยได้อย่างถูกลิขสิทธิ์

รายละเอียดการลงทะเบียน การดาวน์โหลด และการติดตั้งโปรแกรม MATLAB ดูได้ที่ https://www.cc.kmutt.ac.th/MATLAB.html

หมายเหตุ **ลงทะเบียนสมัครสมาชิก และดาวน์โหลด โดยใช้อีเมลของมหาวิทยาลัย (นักศึกษาใช้ @mail.kmutt.ac.th บุคลากรใช้ @kmutt.ac.th)

มดอาสากรีนฮาร์ท มจธ.จัดทำเครื่องกดเจลแอลกอฮอล์ชนิดเท้าเหยียบ มอบชุมชนรอบมหาวิทยาลัย

19 เมษายน 2563 กลุ่มมดอาสา มจธ. ส่งมอบเครื่องกดเจลแอลกอฮอล์ชนิดเท้าเหยียบให้กับตลาดใหม่ทุ่งครุ (ตลาด 61) จำนวน 3 ชุด เพื่อนำไปตั้งยังจุดบริการประชาชนในพื้นที่ที่มีประชาชนเข้าออกเป็นจำนวนมาก เพียงใช้เท้าเหยียบแทนการใช้มือในการกดขวดปั๊ม สะดวกแก่การใช้งานและช่วยลดการสัมผัสของบุคคล โดยกลุ่มมดอาสา มจธ. ตั้งเป้าดำเนินการติดตั้งเครื่องกดเจลแอลกอฮอล์ชนิดเท้าเหยียบให้กับชุมชนรอบข้างจำนวน 30 ชุด ให้กับชุมชน ตลาด โรงเรียน วัด มัสยิด และพื้นที่ที่มีชุมชนหนาแน่นรอบมหาวิทยาลัย ทั้งมจธ.บางมด และ มจธ.บางขุนเทียน

เครื่องกดเจลแอลกอฮอล์ชนิดเท้าเหยียบ จัดทำโดยกลุ่มนักศึกษากรีนฮาร์ท ร่วมกับศูนย์การจัดการด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย (EESH) และกลุ่มงานช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษา มจธ. ซึ่งกระจายกันจัดทำ ณ หอพักนักศึกษา และ หอพักบริเวณรอบมหาวิทยาลัยโดยใช้หลัก social distancing โดยได้รับการสนับสนุนสแตนเลสในการจัดทำจากนายรพีพงษ์ ธำรงค์คูสกุล บริษัท เอสดี แสตนเลส จำกัด รวมทั้งมีผู้สนับสนุนผ่านกลุ่มนักศึกษาซึ่งบริจาคโดยประชาชน และสมาคมนักศึกษาเก่า มจธ.ในพระบรมราชูปถัมภ์